วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สมุนไพร

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
เอ่ยถึงอาหารแนวสุขภาพ ก็ต้องนึกถึง "ธัญพืช" เป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะ ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือเรียกสั้นๆ ว่า โฮลเกรน ซึ่งเป็นธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด โดยยังคงมีส่วนประกอบ ทั้งเยื่อหุ้มเมล็ด, เนื้อเมล็ด และจมูกข้าว ครบถ้วนแบบนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสุดๆ เพราะโฮลเกรน เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่อุดมไปด้วยเส้น ใยอาหาร, วิตามิน, แร่ธาตุ และไฟโตนิวเตรียนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ

การกินโฮลเกรนจึงส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ "สง่า ดามาพงษ์" นักโภชนาการ ประจำกระทรวงสาธารณสุข ชี้ให้เห็นว่า โรคอ้วนและโรคข้างเคียง ซึ่งไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ, หลอดเลือด, ความดัน, เบาหวาน มีคนเป็นเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศตะวันตกและตะวันออก การใส่ใจเรื่องอาหารการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญ
อาหารแนวสุขภาพอย่าง "ธัญพืชเต็มเมล็ด" หาได้ไม่ยากใกล้ตัวที่สุดและดีที่สุดคือ "ข้าวกล้อง" นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีข้าวโอ๊ต, ข้าวบาร์เล่ย์, ซีเรียล,ขนมปัง และพาสต้า ที่ทำมาจากโฮลเกรน แบบไทยๆก็มีลูกเดือยและข้าวโพด

ส่วนหนุ่มสาวที่รักสวยรักงาม ถ้ากินอาหารแนวนี้จะได้ถึงสองเด้ง!!! คือนอกจากสุขภาพจะฟิตเปรี๊ยะแล้วยังได้ "หุ่น" อีกต่างหาก ใครที่ใช้วิธีลดความอ้วนแบบอดมื้อกินมื้อ ขอบอกว่า "เอาต์" แล้วจ้า

อยากสวยสดหุ่นดีต้องกินอาหารทุกมื้อ โดยเฉพาะ มื้อเช้า ซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุด ควรเลือกกินอาหารประเภทโฮลเกรน เพราะจะทำให้อยู่ท้อง ไม่รู้สึกโหย และพลังงานจะกระจายไปจนถึงมื้อเที่ยง พอถึงช่วงกลางวัน แค่ก๋วยเตี๋ยวสักชาม หรือข้าวราดแกงอร่อยๆ ก็อิ่มสบายท้องแล้ว จากนั้นเมื่อถึงมื้อเย็น ค่อยหาอะไรทานเบาๆ อย่างสลัด, ซุป หรือปลาย่าง จะช่วยให้หลับสบายไม่อึดอัดท้อง ส่วนเด็กๆกินอาหารประเภทนี้ ก็จะช่วยเสริมสร้างสมาธิ เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ทำให้ห่างจาก "โรคอ้วน" แน่นอน

"ยู อาร์ วอท ยู อีท" กินอย่างไรก็ได้รับอย่างนั้น ถ้าเลือกกินสิ่งที่อุดมไปด้วยโภชนาการอาหารก็จะเป็นยามหัศจรรย์ได้เช่นกัน!!!

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

ประวัติ วง Maroon 5





เป็นวงร็อกเจ้าของรางวัลแกรมมี่จากเมืองลอสแองเจลลิส แคลิฟอร์เนีย สมาชิกในวงทั้ง 5 คนประกอบไปด้วย Adam Levine (นักร้องนำ) , James Valentine (กีตาร์) , Jesse Carmichael (คีย์บอร์ด) , Mickey Madden (เบส) และ Matt Flynn (กลอง) พวกเขาเป็นที่รู้จักจากซิงเกิ้ลฮิตอย่าง "Harder to Breathe", "This Love" และ "She Will Be Loved" ในปี 2007 วง Maroon 5 กลับมาพร้อมกับเพลงใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีจากอัลบั้มชุด It Won't Be Soon Before Long และตามมาด้วยเพลงฮิตอย่าง "Makes Me Wonder"

อัลบั้มแรก "Songs About Jane" ขายได้กว่า 10 ล้านแผ่นทั่วโลก พร้อมคว้ารางวัลแกรมมี่ถึง 2 ครั้ง จากปี 2005 สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และ ปี 2006 สาขาศิลปินกลุ่มเพลงป๊อบยอดเยี่ยม จากเพลง This Love

อัลบั้มใหม่ล่าสุด "It Won't Be Soon Before Long" ได้โปรดิวเซอร์ Mike Elizondo, Mark Spike Stent, Eric Valentine ที่เคยทำงานให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ เอ็มมิเน็ม, เกว็น สเตฟานี, Bjork, คีน และ มาดอนน่า เป็นต้น ซิงเกิ้ลแรก ?Makes Me Wonder? ได้กระโดดจากอันดับ 64 มาอยู่อันดับหนึ่งได้ในชาร์ทบิลบอร์ด ทำลายสถิติที่เคลลี่ คลาร์กสันเคยทำไว้เมื่อตุลาคม 2002 กระโดดจาก 52 มาที่อันดับ 1

ผลงานเพลง
- อัลบั้ม Songs About Jane (2002)
- อัลบั้ม It Won't Be Soon Before Long (2007)

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

การดูแลผิวหน้า


การดูแลผิวหน้าแบบง่าย ๆ ที่บ้าน
เอนไซม์มะละกอผลัดผิว การใช้เอนไซม์จากมะละกอช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหน้า การพอกมะละกอบดละเอียดบนผิวหน้าในระหว่างอบไอน้ำจะช่วยทำให้หน้าขาว ใส ยิ่งขึ้น การเตรียมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร นำมะละกอสุกมาบดละเอียด ในขณะที่เตรียมน้ำเดือดเพื่ออบไอน้ำผิวหน้าเมื่อน้ำพร้อมแล้ว ให้ทามะละกอสุกบนใบหน้า โดยหลีกเลี่ยงรอบดวงตา ต่อจากนั้นจึงอังหน้ากับชามอ่างภายใต้ผ้าขนหนูตามวิธีการอบไอน้ำผิวหน้าได้เลย
โทนเนอร์น้ำผลไม้ หลังจากล้างหน้าแล้ว ตามขั้นตอนจะต้องเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์อีกครั้งเพื่อกระชับรูขุมขน และปรับสภาพ pH ของผิวหน้า หากเบื่อใช้โทนเนอร์ที่มีขายตามท้องตลาด ผักและผลไม้นั้นมีวิตามินและเอนไซม์ซึ่งช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนเสมอกันทั่วใบหน้าและช่วยขัดผิวได้ วิธีการทำก็ไม่ได้ยากเช่นกัน ให้นำผลไม้ที่ชอบ โดยอาจเลือกจากสรรพคุณของผลไม้ นำผลไม้มาประมาณ 50 กรัมต่อครั้ง ล้าง เช็ดให้แห้ง ปอกเปลือก แล้วปั่นด้วยเครื่องปั่นหรือบดให้ละเอียด เติมน้ำกลั่นบริสุทธิ์ลงไปประมาณ 25 มิลลิตร ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง แล้วจึงใช้ผ้าขาวบางกรองแยกกากออกไป เก็บแต่น้ำไว้ใช้ ข้อควรระวังคือ ต้องทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำโทนเนอร์น้ำผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นชาม เครื่องปั่น มีด ผ้าขาวบาง หรือแม้กระทั่งมือตัวเองให้สะอาด มิเช่นนั้นโทนเนอร์น้ำผลไม้ที่ได้ แทนที่จะช่วยทำความสะอาดผิวอาจจะทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองเนื่องจากสิ่งสกปรกตกค้างจากภาชนะเหล่านั้น
สรรพคุณของผลไม้แต่ละประเภท1. ว่านหางจระเข้ บำรุงผิว สำหรับทุกสภาพผิว2. แตงกวา ปรับสภาพผิว เหมาะสำหรับผิวมัน3. ฝรั่ง ขัดผิว มีส่วนผสมของกรด AHA4. ตะไคร้ ทำความสะอาดผิว สำหรับทุกสภาพผิว5. สับปะรด ขัดผิว มีส่วนผสมของ AHA6. มะขาม ขัดผิว ช่วยให้ผิวขาว เหมาะสำหรับผิวมันไพล และ ผงลูกจันทน์เทศ ขัดผิวส่วนผสมประกอบด้วย ไพลสด 1 ช้อนโต๊ะ และ ผงลูกจันทน์เทศ 1 ช้อนชา ตัวขัดผิวนี้มีส่วนผสมของไพล ซึ่งคนไทยถือว่าเป็นยาครอบจักรวาลสำหรับผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและบำรุงผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว เมื่อขัดเสร็จแล้วผิวจะมีกลิ่นเผ็ดร้อนนิดๆ ล้างไพลให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ปอกเปลือก ปั่นด้วยเครื่องปั่น จากนั้นเทผงลูกจันทน์เทศลงไป คลุกเคล้าจนเข้ากัน ทาลงบนใบหน้าและขัดเบาๆจนทั่วหน้า ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
น้ำผึ้ง และ แตงกวา ขัดผิวส่วนผสมประกอบไปด้วย น้ำผึ้ง 8 ออนซ์ น้ำมะนาวคั้น 10 หยด แตงกวา ฝานเป็นแผ่นบางๆ น้ำผึ้งทำให้ผิวนุ่มขึ้น ช่วยลดความระคายเคืองของผิว และบรรเทาอาการอักเสบ ในขณะเดียวกันน้ำมะนาวช่วยในกระบวนการผลัดผิว ล้างหน้าให้สะอาด ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน ทาลงบนใบหน้าแล้วนวด 15 นาที หลังจากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก เมื่อเสร็จขั้นตอนแรกแล้วให้วางแผ่นแตงกวาบนใบหน้าและลำคอ แตงกวาจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกที่ตกค้างออก ช่วยให้ผิวเย็นและตึง และเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆอีกครั้ง
ขมิ้นพอกผิวส่วนผสมประกอบด้วย ขมิ้นสด 10 กรัม ถั่วเหลือง 15 กรัม ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักมีกคุ้นเป็นอย่างดีมีสรรพคุณลดอาการอักเสบและสมานผิว ส่วนถั่วเหลืองมีเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และไฟโตเอสโตรเจน ที่ช่วยทำให้ผิวขาวและนุ่มขึ้น วิธีการเตรียม ให้นำขมิ้นมาล้างและปอกเปลือกออกปั่นให้ละเอียด หากเป็นสมัยปู่ยาตาทวดเราใช้ครกกับสากบดซึ่งกินเวลานานเกินไป ไม่ทันใจสาวสมัยใหม่ ปัจจุบันใช้เครื่องปั่นจะสะดวกกว่า เมื่อปั่นขมิ้นเสร็จแล้วให้พักไว้ นำถั่วเหลืองไปล้างโดยแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ปั่นแล้วนำมาผสมกับขมิ้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวด้วยกล้วยส่วนผสมประกอบด้วย กล้วยสุก ผลขนาดกลาง 2 ผล Wheat germ oil ½ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา น้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกมะลิ 2 หยด ตัวพอกหน้านี้อุดมไปด้วยวิตามิน เหมาะสำหรับฟื้นฟูสภาพผิว และทำให้ผิวสดชื่นหลังจากวันอันเหนื่อยล้า กล้วยอุดมไปด้วยวิตามินเอและโพแทสเซียม ส่วนน้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกมะลิ ช่วยปรับสภาพผิว ลดเลือนรอบแผลเป็น และน้ำผึ้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ปั่นกล้วยแล้วใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เมื่อเตรียมตัวพอกเสร็จแล้ว ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดด้วนโทนเนอร์ จากนั้นจึงทาตัว พอกลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและเช็ดด้วยโทนเนอร์อีกครั้งเพื่อกำจัดตัวพอกที่ตกค้างอยู่ออกให้หมด
น้ำผึ้งและส้มกระชับผิวหน้าส่วนผสมประกอบไปด้วย ส้มหรือส้มจีน 1 ชิ้น น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันหอมระเหยดอกลาเวนเดอร์ 1 หยด เป็นตัวพอกหน้าที่ช่วยให้ผิวนุ่มและสดใสขึ้น ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง เป็นตัวพอกหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวสามารถทำได้บ่อยครั้ง เพื่อปรับปรุงสภาพผิวและช่วยให้จุดด่างดำจางลง บิส้มให้น้ำส้มออกมา ถูส้มให้ทั่วใบหน้า กรดผลไม้ในส้มช่วยทำความสะอาดผิวและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว เมื่อทั่วแล้วให้ใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำเปียกหมาดๆเช็ดออกเบาๆ เมื่อเสร้จขั้นตอนแรกแล้ว ผสมน้ำผึ้งเข้ากับน้ำมันหอมระเหยดอกลาเวนเดอร์ และทาลงบนใบหน้า นวดเบาๆทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
กล้วยและอะโวคาโดพอกหน้าสำหรับผิวแห้งส่วนผสมประกอบไปด้วย กล้วยสุกผลเล็ก 1 ผล อะโวคาโดสุกผลเล็ก 1 ผล โยเกิร์ตเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันวิตามินอี 2 หยด ผลลัพธ์ที่ได้จาก treatment นี้ คือ หน้าลื่น เรียบเนียน และมีกลิ่นหอม บดกล้วยและอะโวคาโดเข้าด้วยกันจนข้นและมีสีเขียวผสมโยเกิร์ตและน้ำมันวิตามินอีลงไป แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อเตรียมตัวพอกเสร็จแล้ว ล้างหน้าและอบไอน้ำผิวหน้าเพื่อให้รูขุมขนเปิด หลังจากนั้นจึงทาตัวพอกลงบนใบหน้านวดและทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ทีนี้คุณก็มีสูตรขัด พอกครบถ้วน อีกทั้งเป็นสูตรที่ไม่ยากเย็นอีกต่างหาก สุดท้ายหน้าจะใสหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าจะมีเวลาในการทำ treatment อย่างสม่ำเสมอหรือไม่ การดูแลผิวพรรณด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบบนี้ ต้องอาศัยเวลาและความอดทนค่ะ แต่รับรองได้ว่าผลที่ได้คุ้มค่าแน่นอนต่อการรอคอย

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

การออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม หรือคงไว้ซึ่งความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิตและปอด โดยมีขบวนการใช้ออกซิเจน ในขบวนการเผาผลาญ เพื่อให้เกิดพลังงานสำหรับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงมีชื่อเรียกการออกกำลังกายชนิดนี้ว่า AEROBIC EXERCISE
ประโยชน์ต่อสุขภาพ1. ระบบไหลเวียนโลหิต1.1 ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงมากขึ้น สามารถสูบฉีดโลหิตได้ปริมาณ มากขึ้น1.2 เพิ่มหลอดโลหิตฝอยมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจมากขึ้น1.3 ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้งในขณะพัก และออกกำลังกาย ทำให้ไม่ เหนื่อยง่าย1.4 ลดแรงต้านทานส่วนปลายของหลอดโลหิตฝอยทำให้ความดันโลหิตลดลง ทั้งขณะพัก และออกกำลังกายลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิต สูง2. ระบบหายใจ2.1 ความจุปอดเพิ่มขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนมากขึ้น2.2 เพิ่มปริมาณโลหิตไปสู่ปอด ทำให้การไหลเวียนของปอดดีขึ้น2.3 เพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ปอด ทำให้ประสิทธิภาพการ หายใจดีขึ้น3. ระบบชีวเคมีในเลือด3.1 ลดปริมาณคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) จึงลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน3.2 เพิ่ม HDL Cholesterol ซึ่งช่วยลดการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน3.3 ลดน้ำตาลส่วนเกินในเลือด เป็นการช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
4. ระบบประสาทและจิตใจ4.1 ลดความวิตกกังวลและคลายความเครียด4.2 มีความสุขและรู้สึกสบายใจจากสาร Endorphin ที่หลั่งออกมาจาก สมองขณะออกกำลังกาย
ขั้นตอนและหลักในการปฏิบัติถ้ามีอายุมากกว่า 35 ปี ควรตรวจสุขภาพ ว่ามีโรคหัวใจหรือไม่ก่อนการออกกำลังกายชนิดนี้ ควรรู้วิธีเหยียดและยืดกล้ามเนื้อ รวมทั้งอุ่นเครื่อง (Warm up) และเบาเครื่อง (Cool down) หลักในการปฏิบัติ เป็นการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างน้อย 1 ใน 6 ส่วนของร่างกาย ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
คำศัพท์Frequency (F) หมายถึงความถี่ในการออกกำลังกายใน 1 สัปดาห์ อย่างน้อย 3 วัน อย่างมาก 6 วันIntensity (I) หมายถึงความหนักในการออกกำลังกาย ใช้อัตราการเต้นของชีพจรเป็นเกณฑ์ ให้ได้ประมาณระหว่างร้อยละ 70-90 ของอัตราเต้นสูงสุดของหัวใจ ซึ่งสามารถคำนวนได้จากการนำอายุไปลบออกจากเลข 220ตัวอย่างเช่น ชายอายุ 20 ปี จะใช้ความหนักในการออกกำลังกายชนิดนี้เท่าใดคำตอบคือ (220-20)x 70 ถึง 90 หาร 100 เท่ากับ 140 ถึง 180 ครั้งต่อนาทีTime (T) หมายถึง ช่วงเวลาในการออกกำลังกายในแต่ละวัน อย่างน้อย 10-15 นาที ใน 6 วัน อย่างมาก 30-45 นาทีใน 3 วัน
รูปแบบการออกกำลังกายมีหลากหลายชนิดเช่น วิ่งเหยาะ, เดินเร็ว, ขี่จักรยาน, ว่ายน้ำ, เต้นแอโรบิค, ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, เทนนิส, แบดมินตัน, ตระกร้อข้ามตาข่าย, วอลเลย์บอล เป็นต้น
ข้อควรระวังควรงดการออกกำลังกาย ในขณะเจ็บป่วย มีไข้ พักผ่อนไม่พอควรออกกำลังกายก่อนอาหารหรือหลังอาหารหนักผ่านไป 3-4 ชั่วโมง และดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ควรหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนจัด หนาวจัด ฝนฟ้าคะนอง มลภาวะมากสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมควรพักหากมีอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน และไปพบแพทย์